เมนู

ภพเป็นไฉน. . . อุปาทานเป็นไฉน. . . ตัณหาเป็นไฉน. . . เวทนา
เป็นไฉน. . .ผัสสะเป็นไฉน. . .สฬายตนะเป็นไฉน. . .นามรูปเป็นไฉน. . .
วิญญาณเป็นไฉน. . .
[142] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทิฏฐิไม่ว่าชนิดใดชนิดหนึ่ง ที่เป็น
ข้าศึก อันบุคคลเสพผิด ส่ายหาไปว่า สังขารเป็นไฉน และสังขารนี้เป็น
ของใคร หรือว่าสังขารเป็นอย่างอื่น และสังขารนี้เป็นของผู้อื่น ว่าชีพก็
อันนั้น สรีระก็อันนั้น หรือว่าชีพอย่างหนึ่ง สรีระอย่างหนึ่ง ทิฏฐิเหล่านั้น
ทั้งสิ้น อันอริยสาวกนั้นละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว กระทำให้เป็นดัง
ตาลยอดด้วน ถึงความไม่มี มีอันไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา เพราะ
อวิชชาดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ.
จบทุติยอวิชชาปัจจยสูตรที่ 6

อรรถกถาทุติยอวิชชาเป็นปัจจยสูตรที่ 6



พึงทราบวินิจฉัยในทุติยอวิชชาปัจจยสูตรที่ 6 ต่อไป.
ข้อว่า "อิติ วา ภิกฺขเว โย วเทยฺย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดพึงกล่าว
อย่างนี้" อธิบายว่า ในบริษัทนั้น ผู้ถือทิฏฐิใคร่ที่จะถามปัญหามีอยู่. แต่ผู้
นั้นพระธาตุแห่งผู้ไม่กล้าหาญจึงไม่อาจจะลุกขึ้นถามพระทศพล. เพราะฉะนั้น
พระศาสดาจึงตรัสถามเสียเองตามความประสงค์ของเขา เมื่อจะทรงแก้ จึง
ตรัสอย่างนี้.

จบอรรถกถาทุติยอวิชชาปัจจยสูตรที่ 6

7. นตุมหสูตร



ว่าด้วยปัจจัยปรุงแต่งกรรม



[143] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้
ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายนี้ไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย ทั้งไม่ใช่ของ
ผู้อื่น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กรรมเก่านี้พึงเห็นว่า อันปัจจัยปรุงแต่ง เกิด
ขึ้นด้วยความตั้งใจ เป็นที่ตั้งของเวทนา.
[144] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้วในเรื่องกาย
นั้น ย่อมมนสิการโดยแยบคายซึ่งปฏิจจสมุปบาทเป็นอย่างดีว่า เมื่อสิ่งนี้มี
สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่มี
เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ ด้วยประการดังนี้ คือ เพราะอวิชชาเป็น
ปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ฯลฯ ความ
เกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ก็เพราะอวิชชาดับ
โดยสำรอกไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
ฯ ล ฯ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
จบนตุมหสูตรที่ 7

อรรถกถานตุมหสูตรที่ 7



พึงทราบวินิจฉัยในนตุมหสูตรที่ 7 ต่อไป.
ข้อว่า "นายํ ตุมฺหากํ กายนี้มิใช่ของพวกเธอ" อธิบายว่า เมื่ออัตตามีอยู่
ขึ้นชื่อว่าสิ่งที่เป็นอัตตาก็ย่อมมี. แต่อัตตานั่นแหละย่อมไม่มี เพราะฉะนั้น